ภาพยนตร์เรื่อง Bad Boys : For Life คู่หูขวางนรกตลอดกาล เป็นภาคล่าสุดของ Bad Bays ในปี 2020 นี้ ซึ่งในหนังภาคนี้ กำกับโดย Adil El Arbi และ Bilall Fallah และยังได้คู่หูสุดระห่ำคู่เดิมอย่าง Will Smith และ Martin Lawrence กลับมารับหน้าที่แสดงนำเช่นเคย เรื่องห่างหายจากภาคก่อนหน้าไปถึง 17 ปี นับตั้งแต่ภาคสองในชื่อ Bad Boys II ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2003 ส่วนภาคแรกซัดไปปี 1995 เมื่อ 25 ปีก่อนเลยที่เดียว หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2020 โดย Sony Pictures Releasing ภายใต้ชื่อ Columbia Pictures โดยทั่วไปภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์และทำรายได้ 426.5 ล้านเหรียญทั่วโลก กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสามในเดือนมกราคมที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสี่ของปี 2020 และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในแฟรนไชส์อีกด้วย
สำหรับ Bad Boys For Life หรือภาค 3 นี้ต้องบอกว่า หนังฉวยโอกาสของระยะห่างจากภาคก่อนที่ตัวละครวัยเปลี่ยนล่วงสู่ช่วงเกษียณได้ยอดเยี่ยม ทั้งวิถีเปลี่ยนไป และทั้งโลกยุคใหม่ที่ไปไว จนทอดทิ้งคนสูงวัยเร็วขึ้น เทคนิคสอบสวนลุยดะของหมาแก่แบบเก่า เริ่มถูกปรามาสด้วยหน่วยไฮเทคที่อุปกรณ์ครบครันทั้งแฮกเกอร์ ทั้งโดรนสายลับ และเมื่อมาร์คัส (มาร์ติน ลอว์เรนซ์) ถอดใจอยากเกษียณตัวเองอยู่กับครอบครัวแสนสุขในยามที่ตนได้เป็นคุณตา โดยหวังจะทำให้คู่หูเปลี่ยนใจตามและเลิกพังสังขารเสี่ยงชีวิตอย่างที่เคยเป็นมา ขณะที่ทางไมก์ (วิล สมิธ) กลับยังทะนงตนว่าเป็นตำรวจมือฉกาจแห่งไมอามี่ฉายาหนังเหนียวยิงไม่เข้า ทว่าอดีตที่เขาเคยสร้างความแค้นกับอาชญากรไว้มากมายก็ยังตามหลอกหลอนในรูปของการฆ่าล้างแค้น ซึ่งทำให้เขาไม่อาจถอนตัวจากสงครามปราบโจรได้ง่าย ๆ
| ประเภทหนัง | action , comedy |
| กำกับโดย | ไมเคิล เบย์ |
| บทภาพยนตร์โดย | ไมเคิล แบร์รี่จิม มัลฮอลแลนด์ดั๊ก ริชาร์ดสัน |
| ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | Columbia Pictures |
| คะแนน IMDb | 6.6 |
ที่หนังเล่าถึง อิซาเบล อาเรทัส ภรรยาแม่ม่ายของเบนิโต เจ้าพ่อแก๊งค้ายา ที่หลบหนีออกจากคุกในเม็กซิโก ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอาร์มันโด ลูกชายของเธอ อิซาเบล ส่งอาร์มันโด ไปไมอามีโดยมอบหมายให้เขาตามหาเงินจำนวนมากที่พ่อของเขา เบนิโต ซ่อนไว้ รวมทั้งลอบสังหารคนที่รับผิดชอบในการจับกุมพ่อของเขา และสุดท้ายก็เสียชีวิตในคุก อิซาเบลต้องการให้อาร์มันโดฆ่านักสืบ ไมค์ โลว์รีย์ เป็นคนสุดท้าย ตัดภาพมาที่ไมอามี ไมค์พามาร์คัส เบอร์เน็ตต์ คู่หูไปงานวันเกิดหลานชายคนแรกของเขา ด้วยความปรารถนาที่จะใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น มาร์คัสบอกไมค์ว่าเขาตั้งใจที่จะเกษียณ ซึ่งทำให้ไมค์รู้สึกผิดหวัง ระหว่างงานเลี้ยงฉลองหลานชายของมาร์คัส ไมค์ ถูกยิงโดยอาร์มันโด ทำให้ไมค์อยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลาหลายเดือน อิซาเบล ตำหนิลูกชายที่ยิงไมค์ก่อน อาร์มันโด ยังคงลอบสังหารเป้าหมายอื่นๆ ในรายชื่อของเขาในช่วงพักฟื้นของไมค์
มาในส่วนของบทตั้งต้นที่ โจ คาร์นาฮาน และ ปีเตอร์ เครก ที่ได้วางไว้ ก็ถือว่าฉลาด และสมเหตุสมผล เราไม่สะดุดกับลำดับสถานการณ์ที่ผลักดันตัวละครให้ต้องเป็นไป ซึ่งเป็นการเขียนบทที่ดีมากเมื่อเทียบกับหนังแนวแอ็กชั่นที่มักเอาฉากโชว์เป็นตัวนำแล้วยัดเหตุผลให้ตัวละครวิ่งเข้าไปหาฉากเหล่านั้นเสียมากกว่า แต่กับเรื่องนี้เรารู้สึกถึงแรงขับดันของตัวละครเอกที่สวนทางกัน และการมีสติของตัวละคร ที่บทละครไดเยกคำสอน ของศาสนาพุทธ มากล่าวถึงคือ การสอนให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่างที่ผู้กองฮาเวิร์ดได้ยกคำสอนข้อนี้เพื่อมาเตือนสติไมค์ นั่นก็เป็นบทละครที่คมมาก และมาได้ถูกที่ถูกทางจนน่าประหลาดใจ กับหนังสไตล์ไมเคิล เบย์แบบนี้
สำหรับหนังเรื่องนี้การเดินเรื่อง ที่เริ่มต้นอย่างมีความสุข เพียงไม่ทันไรก็ต้องเศร้าเพราะ ไมค์ ถูกยิง แต่แล้วก็กลับมาสู่บรรยากาศครื้นเครงอีกครั้ง เมื่อไมค์ไม่ตาย แล้วก็ต้องกลับมาเศร้าโศกเมื่อผู้กองถูกยิงตาย ทำให้เกิดบรรยากาศโกรธแค้นและฮึกเหิมขึ้นมา แล้วก็ตามด้วยความระทึกใจไปจนจบเรื่องเป็นอะไรที่ลงตัวกว่าสองภาคแรกมาก
นักแสดงนำของเรื่อง
มาร์ติน ลอว์เรนซ์ ( Martin Fitzgerald Lawrence ) รับบทเป็น มาร์คัส
วิล สมิธ ( Willard Carroll Smith II ) รับบทเป็น ไมค์
เปาล่า นูเญซ ( Paola Núñez Rivas ) รับบทเป็น ร้อยโท Rita Secada
วาเนสซา ฮัดเจนส์ ( Vanessa Anne Hudgens ) รับบทเป็น เคลลี่
เจคอบ สคิปิโอ ( Jacob Muntaz Scipio ) รับบทเป็น อาร์มันโด
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. สไตล์หนังแอ็กชั่นที่มีคนผิวสีเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งก็ลงตัวเหมาะเจาะในการมารับไม้ต่อจาก ไมเคิล เบย์ ที่จะสร้างสรรค์เรื่องราวของคู่หูตำรวจผิวสีสุดแสบในยุคนี้
2. ช็อตเท่ ๆ แอ็กชั่นว่องไวระทึกอารมณ์ โดยเฉพาะฉากขับรถไล่ล่าทำได้สนุกมาก ในขณะที่ความเว่อวัง ฉากพังเมืองก็วินาศสันตะโรได้พอดีเป็นอะไรที่ชอบกว่าสองภาคแรกอีก
3. ส่วนสุดท้ายที่ชอบก็คือ การเชื่อมโยงหนังภาคนี้กับภาคที่สองที่ห่างกันถึง 17 ปี ที่ใช้ความห่างทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็นหนังที่มีความสนุกและมันมาก มีการเดินเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นและน่าติดตาม และมีมุขตลกที่สร้างความฮาทำให้หนังดูไม่เครียด เป็นหนังบู๊แอ็คชั่นที่สนุกมันฮา ที่ชอบที่สุดก็ฉากซิ่งรถตอนเริ่มเรื่อง กับฉากไล่ยิงกันบนถนนและก็ตอนจบ ครบรสเลยเรื่องนี้
ที่มาเพิ่มเติม
