Jurassic World: Fallen Kingdom หรือในชื่อไทยว่า จูราสสิค เวิลด์ กับอาณาจักรที่ล่มสลาย เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่ตอนนั้นพลาดจากการดูในโรงภาพยนต์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก แต่ไม่เป็นไรไหนๆ ช่วงนี้ต้องอยู่บ้านจึงได้มีโอกาสกลับมานั่งดูเลยเอาเนื้อหาและคามรู้สึกมาส่งต่อให้กลับทุกคนกันเลยในครั้งนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในภาคแรก 3 ปี หลังจากการล่มสลายของสวนสัตว์ไดโนเสาร์ที่เรารู้จักกันในนามจูราสสิค พาร์คบนเกาะสมมติในบริเวณอเมริกากลาง ชื่อว่าเกาะอิสลานูบลาร์ อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกนอกชายฝั่งของคอสตาริกา ตัวละครหลักคือ Owen Grady และ Claire Dearing ซึ่งทั้งสองเดินทางไปช่วยเหลือเหล่าไดโนเสาร์บนเกาะซึ่งกำลังจะประสบภัยพิบัติภูเขาไฟระเบิด ทั้งคู่พร้อมทีมงานก็เลยเข้าไปเพื่อที่จะช่วยไดโนเสาร์เหล่านั้น แคลร์ที่เคยเป็นผู้จัดการของสวนสนุกจูราสสิคเวิลด์ ได้เข้าร่วมกับทีมนักลงทุนเพื่อช่วยเหลือเหล่าไดโนเสาร์ไม่ให้สูญพันธุ์ เมื่อนักลงทุนต้องการที่จะเก็บตัวต้นแบบไดโนเสาร์ที่เกาะอิสรานูบา ทั้งหมด 11 สายพันธุ์ 1 ในนั้นคือ เวโรซีแรปเตอร์ หรือ บลู ไดโนเสาร์คู่ใจของ โอเวน เกรดี พระเอกของเรื่องนั่นเอง และการจะจับตัวบลูได้นั้น ทางทีมต้องการโอเวนเพื่อที่เข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย แคลร์จึงต้องเป็นคนไปหาโอเวนด้วยตัวเองอีกครั้ง จึงได้รู้ต่อมาว่า ถึงเค้าทั้งสองเลิกรากันด้วยเรื่องบางเรื่อง แต่ก็ยังคงห่วงใยกันอยู่เสมอ
ประเภทหนัง | ผจญภัย,วิทยาศาสตร์ |
กำกับโดย | เจ. เอ. บาโญนา |
บทภาพยนตร์โดย | โคลิน เทรวอร์โรว์เดเรก คอนนอลลี |
ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส |
คะแนน IMDb | 6.2 |
โอเวนได้ตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจนี้ เพราะตัดใจทิ้ง บลู ไม่ได้ และได้รู้ว่าโดนนายทุนหักหลัง หลอกใช้เพื่อต้องการดีเอ็นเอของ บลู ไปพัฒนาไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ โดยแผนการที่จะอนุรักษ์ไดโนเสาร์ให้ไม่สูญพันธุ์นั้น มีเงื่อนงำซ่อนอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งต่อคนและไดโนเสาร์ที่เขารักเลย งานนี้ โอเวนและแคลร์ จึงต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือเหล่าไดโนเสาร์ให้ได้ โดยมีเด็กสาวตัวน้อยนามว่า เมซี่ ซึ่งเป็นหลานของเจ้าของคฤหาสถ์ที่นำไดโนเสาร์มาขังไว้ เมซี่หลงไหลไดโนเสาร์ และเธอก็ต้องการที่จะรักษาไดโนเสาร์ไม่ให้สูญพันธุ์ไปเช่นกัน
ตามสไตล์ของหนังแฟรนไชส์ จูราสสิก หนังไม่มีความยืดเยื้อ เพียงแค่ 15 นาทีแรกก็มีฉากให้เราลุ้นและตื่นเต้นกันแล้ว ด้วยฉากการหนีเอาตัวรอดจากลาวาที่ภูเขาไฟระเบิด โดยมีเพื่อนร่วมวิ่งคือไดโนเสาร์หนีตายทั้งหลาย และฉากที่ไดโนเสาร์ต้องถูกลาวาแผดเผานั้นสร้างความสะเทือนใจให้กับคนดูอย่างมาก แอดมินยังจำความรู้สึกแรกตอนดูหนังจบได้ดี ว่าหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกลุ้นระทึกสุดๆ ยิ่งตอนท้ายๆของเรื่องที่หนีไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่แสนดุร้าย แทรกด้วยฉากดราม่าสะเทือนอารมณ์ บอกเลยว่าเป็นหนังที่ทำออกแนวสยองขวัญ สั่นประสาทซะมากกว่า (หัวเราะ) หนังยังคงมีความชัดเจนคงคอนเซ็ปวิ่งหนีเอาชีวิตรอด มีนายทุนและนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แนวทางของหนังก็คงพอเดาได้ แต่ความมันส์และลุ้นระทึกจนตัวเกร็งนั้น ไม่เป็นสองรองใคร หากทำให้เราเพลิดเพลินและบันเทิงไปกับโลกของภาพยนตร์ได้ ข้อด้อยต่างๆ เราก็สามารถมองข้ามได้เช่นกัน
แต่ก็ถูกอินดอมินัสโจมตี มัซรานีขับเฮลิคอปเตอร์ไล่ตามอินดอมินัสไปจนถึงศูนย์จัดแสดงสัตว์ปีก อินดอมินัสพังศูนย์ฯเข้าไป ทำให้เทอราโนดอนและไดมอร์โฟดอนจำนวนมากบินหนีออกมาและส่วนหนึ่งโจมตีเฮลิคอปเตอร์ที่มัซรานีขับอยู่จนตก ทำให้มัซรานีเสียชีวิต เกรย์กับแซคกลับมาที่สวนหลักขณะที่เทอโรซอร์ที่หลุดออกมาเข้าทำร้ายนักท่องเที่ยว(ซาราที่คอยดูแลเกรย์และแซคก็ถูกเทอโรเซอร์บินโฉบคว้าไปกลางอากาศและปล่อยเธอตกลงไปบ่อน้ำ ซึ่งหลังจากนี้เหตุการณ์จะชุลมุนวุ่นวายขนาดไหนต้องไปชมกันค่ะ
นักแสดงนำของเรื่อง
คริสโตเฟอร์ ไมเคิล “คริส” แพร็ตต์ (Christopher Michael “Chris” Pratt) รับบทเป็น โอเวน เกรดี
ไบรซ์ ดัลลาส โฮเวิร์ดอ ( Bryce Dallas Howard ) รับบทเป็น แคลร์ เดียริง
บี. ดี. หว่อง ( BD Wong ) รับบทเป็น ดอกเตอร์ วู
เจมส์ โอลิเวอร์ ครอมเวล ( James Oliver Cromwell) รับบทเป็น เบนจามิน ล็อกวู๊ด
อิซเบลล่า เซอร์มอน ( Isabella Sermon ) รับบทเป็น เมซี่ ล็อกวู๊ด
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. ทีมงานได้เปิดวิสัยทัศน์ในการสร้างเจ้าไดโนเสาร์ด้วยเทคนิค แอนิเมทรอนิกส์ (Animatronics) หรือก็คือเทคนิคหุ่นกลไกเสมือนจริง เข้ามาใช้ในการถ่ายทำกับเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิก CGI เหมือนสมัยที่ถ่ายทำ Jurassic Park ภาคแรก
2. ฉากภูเขาไฟระเบิด เหตุการณ์ในช่วงนี้ของหนังทั้งสนุกทั้งงานภาพที่สวยอลังการและยังให้อารมณ์ลุ้นตามไปกับความตื่นเต้นกับการหนีตายของโอเว่นและพรรคพวกเพราะไม่ใช่แค่ต้องหนีจากภูเขาไฟแต่ยังต้องหลบพวกไดโนเสาร์อีก
3. หนังจะพาให้เราไปได้เห็นเกาะของไดโนเสาร์ (ที่มนุษย์สร้างขึ้นและในปัจจุบันถูกทิ้งร้างไม่มีคนดูแลไดโนเสาร์เลยได้อยู่ในธรรมชาติ) เป็นอีกฉากที่ชอบมาก
ไปร่วมลุ้นว่าโอเวน แคลร์ และเมซี่จะสามารถช่วยเหลือเหล่าไดโนเสาร์เอาไว้ได้อย่างไร ใน Jurassic World : Fallen kingdom อาณาจักรล่มสลาย สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กับการรีวิวภาพยนตร์เรื่องหน้า ต้องติดตามกันนะคะว่าจะรีวิวเรื่องอะไรกันอีก
ที่มาเพิ่มเติม
https://th.wikipedia.org/