ภาพยนตร์เรื่อง Live Free or Die Hard หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไทยว่า ดาย ฮาร์ด 4.0 ปลุกอึด ตายยาก เป็นลำดับที่ 4 ในชุด ดาย ฮาร์ด ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นักสืบ NYPD จอห์น แมคเคลน แสดงโดย Bruce Willis พยายามที่จะหยุดยั้งผู้ก่อการร้ายทางไซเบอร์ แสดงโดยTimothy Olyphant ที่เจาะระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล Live Free or Die Hardเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 388 ล้านเหรียญทั่วโลก ทำให้เป็นภาคต่อที่ทำรายได้สูงสุดในซีรีส์ Die Hard หนังได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกจากนักวิจารณ์ ซึ่งเรียกภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็นการคืนฟอร์มสำหรับซีรีส์นี้ เป็น ภาพยนตร์ เรื่อง Die Hard เรื่องเดียว ที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ด้วยเรต PG-13 จากMPAAอีกด้วย
หนังเริ่มเรื่องในวันชาติสหรัฐอเมริกา สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) พบว่าแฮ็คเกอร์ฝีมือดีหลายคนถูกฆาตกรรม จึงประสานให้จอห์น แมคเคลน ตำรวจนิวยอร์กพาตัวแมทธิว “แม็ต” แฟร์เรลล์ หนึ่งในแฮ็คเกอร์ที่อยู่ในรายชื่อมาที่สำนักงาน FBI แมคเคลนไปพบแฟร์เรลล์และยิงต่อสู้กับนักฆ่าของโทมัส เกเบรียลและมาอิ หลิน ก่อนจะหลบหนีออกมา ขณะเดินทางมาที่กรุงวอชิงตัน ดี. ซี. แฟร์เรลล์บอกว่าเขาได้รับเงินก้อนโตจากมาอิหลังเขียนอัลกอริทึมสำหรับเจาะระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อแมคเคลนและแฟร์เรลล์มาถึงวอชิงตัน เกเบรียลสั่งให้แฮ็คเกอร์เข้าควบคุมระบบขนส่งและตลาดหุ้น พร้อมทั้งเผยแพร่สื่อที่มีเนื้อหาคุกคามประเทศ แฟร์เรลล์จำได้ว่าสิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ “การโละทิ้ง” (fire sale) หรือการโจมตีระบบต่าง ๆ ของประเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์ แมคเคลนและแฟร์เรลล์ถูกพาไปที่สำนักงาน FBI แต่มาอิเปลี่ยนเส้นทางให้ขบวนรถของ FBI ไปเจอกับเฮลิคอปเตอร์จู่โจม แมคเคลนขับรถพาแฟร์เรลล์หนีเข้าไปในอุโมงค์ ก่อนจะใช้รถวิ่งขึ้นไปชนเฮลิคอปเตอร์จนระเบิด
ประเภทหนัง | action |
กำกับโดย | เลน ไวส์แมน |
บทภาพยนตร์โดย | มาร์ค บอมแบ็ค |
ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | 20th Century Fox Cheyenne EnterprisesDune EntertainmentIngenious Film Partners |
คะแนน IMDb | 7.1 |
ต่อมาเกเบรียลเผยแพร่ภาพอาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกาถูกระเบิด ทำให้ผู้คนแตกตื่น แฟร์เรลล์รู้ว่าเป้าหมายต่อไปของเกเบรียลคือการโจมตีสถานีพลังงานหลักในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย จึงรีบเดินทางไปที่นั่นและพบกับมาอิ แมคเคลนสู้กับมาอิจนฝ่ายหลังตกลงไปในช่องลิฟต์เสียชีวิต แฟร์เรลล์ใช้ฟุตเตจวิดีโอที่เกเบรียลติดต่อมาส่งให้ FBI เมื่อรู้ว่ามาอิถูกฆ่า เกเบรียลสั่งให้ระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทั้งหมดวิ่งมาที่สถานี แมคเคลนและแฟร์เรลล์หนีออกมาก่อนสถานีจะระเบิด ทำให้ฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาไม่มีพลังงานใช้ แฟร์เรลล์พาแมคเคลนไปหาเฟรเดริก “วอร์ล็อก” คาลูดิส เพื่อนแฮ็คเกอร์ในบอลทิมอร์ วอร์ล็อกพบว่ารหัสที่แฟร์เรลล์เขียนขึ้นเป็นรหัสที่ใช้เข้าถึงข้อมูลที่เก็บไว้ในอาคารที่วูดลอว์น รัฐแมรีแลนด์ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารของหน่วยงาน NSA ที่เกเบรียลเคยออกแบบไว้เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ นอกจากนี้วอร์ล็อกยังบอกว่าเดิมเกเบรียลเป็นนักเขียนโปรแกรมที่มีความสามารถมากของ NSA และเคยเตือนว่าระบบสาธารณูปโภคในอเมริกาอ่อนแอเกินไป
แต่ไม่ได้รับความสนใจ วอร์ล็อกสืบหาที่อยู่ของเกเบรียลแต่เกเบรียลพบว่ามีคนพยายามจะหาที่อยู่ของเขาจึงติดต่อกลับมา เกเบรียลบอกแมคเคลนว่าเขาได้ลักพาตัวลูซี ลูกสาวของแมคเคลนไป แมคเคลนและแฟร์เรลล์จึงรีบไปที่อาคารในวูดลอว์น และพบว่าเกเบรียลกำลังดาวน์โหลดข้อมูลลงคอมพิวเตอร์พกพาเพื่อนำไปรีดเอาทรัพย์จากรัฐบาลสหรัฐ แฟร์เรลล์ถูกจับตัวได้หลังเข้ารหัสป้องกันข้อมูลไว้ แมคเคลนใช้รถบรรทุกตามเกเบรียลไปและให้วอร์ล็อกช่วยตามรถของเกเบรียล เกเบรียลเจาะเข้าระบบสื่อสารกับนักบินเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่ส่งมาจัดการผู้ก่อการร้ายและหลอกว่าผู้ก่อการร้ายคือแมคเคลน แมคเคลนหนีออกมาได้แล้วตามไปที่โกดังที่วอร์ล็อกบอก แต่ก่อนที่จะหยุดยั้งเกเบรียล แมคเคลนถูกเอเมอร์สัน ลูกน้องคนสุดท้ายของเกเบรียลยิงที่ไหล่ขวา
เห็นหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึง ระบบอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน ที่ทุกอย่างควบคุมด้วยอินเตอร์เน็ต ซึ่งหากใครสามารถเจาะเข้าได้ ก็สามารถควบคุมและสร้างความเสียหายได้มหาศาล
นักแสดงนำของเรื่อง
บรูซ วิลลิส ( Walter Bruce Willis ) รับบทเป็น จอห์น แมคเคลน
จัสติน ลอง ( Justin Jacob Long ) รับบทเป็น แมทธิว “แม็ต” แฟร์เรลล์
ทิโมธี โอลิแฟนต์ ( Timothy David Olyphant ) รับบทเป็น โทมัส เกเบรียล
แมรี่ เอลิซาเบธ วินสเตด ( Mary Elizabeth Winstead ) รับบทเป็น ลูซี เจนเนโร-แมคเคลน
แม็คกี้ คิว (Maggie Q) รับบทเป็น มาอิ หลิน
เควิน สมิธ ( Kevin Patrick Smith ) รับบทเป็น เฟรเดริก “วอร์ล็อก” คาลูดิส
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. ในหนังภาคนี้ที่ชอบที่สุดก็คือฉากแอคชั่น ฉากยิงกัน ขับรถไล่ลา ระเบิดบ้าน ระเบิดรถ ระเบิดเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นฉากที่ยิงกันสนั่นจอได้ระทึกใจมากและด้วยเทคโนโลยีการถ่ายทำที่ทันสมัยกว่าทุกภาคทำให้มีความสมจริงอีกด้วย
2. ในหนังเรื่องนี้ได้ชูสิ่งที่เป็นจุดขายของตัวเอกออกมาได้สมชื่อและก็ต้องอดชมความอึดของนักสืบ แม็ค เคลน ไม่ได้ ที่โคตรอึด และตายยากสมคำว่า Die Hard จริงๆ
3. ในขณะเดียวกัน หนังก็ยังคงเต็มไปด้วยมุขเก่าๆ ที่คอหนังผู้คุ้นเคยกับหนังชุดนี้น่าจะจดจำกันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นบทพูดในอารมณ์กวนๆ ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานของตัวละคร การทำอะไรห่ามระห่ำบ้าบิ่นสุดขั้วเช่นเดิม
สรุปแล้วภาคนี้นับว่ามันส์ไม่เสียชื่อ Die Hard ดูเพลินและมันส์ต่อเนื่อง ส่วนตัวชอบมากกว่าภาคก่อนอีก เพราะจะว่าไปแนวมันคล้ายภาคสาม แต่ภาคสามมันดูรวบรัดไม่ค่อยจะลงตัวแต่ภาคนี้ลงตัว พอเหมาะพอดีมากเลย
ที่มาเพิ่มเติม
en-m-wikipedia-org.translate.goog