แล้วก็มาถึงคิวของภาคที่ 2 กันแล้วนะคะในภาคนี้ใช้ชื่อว่า Maleficent Mistress of Evil โดยทิ้งเวลาห่างจากภาคแรกถึง 5 ปี ในห้วงเวลาจริงกับเวลาในหนังคือทิ้งระยะ 5 ปีเช่นกัน แถมเป็นภาคที่ส่วนตัวตั้งตารอว่าเมื่อไรจะมาสักที และในที่สุดก็ได้ดูสมใจอยากสักทีค่ะ
ตัวหนังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจาก Maleficent ภาคที่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง มาเลฟิเซนต์ (Angelina Jolie) และ เจ้าหญิงออโรร่า (Elle Fanning) หลังจากเหตุการณ์ในภาคที่แล้วที่มาเลฟิเซนต์แต่งตั้งให้ออโรร่าเป็นราชินีแห่งเมืองมัวร์ส แต่แล้ววันหนึ่ง ออโร่ร่า ถูก เจ้าชายฟิลิป (Harris Dickinson) ขอแต่งงาน แม้ว่าเจ้าชายฟิลลิปจะรักออโรร่าอย่างใจจริง แต่มันก็เป็นเพียงการจัดฉากของ ราชินีอิงกริต (Michelle Pfeiffer) การต่อสู้กันระหว่างมาเลฟิเซนต์กับราชินีอิงกริตได้เริ้มต้นขึ้น ราชินีอิงกริตหวังครอบครองเมืองมัวร์ส มาเลฟิเซนต์ต้องการให้เมืองทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง การต่อสู้ที่ดุเดือดจึงเริ่มขึ้น หนังเปิดเรื่องมาเผยให้เห็นว่ามาเลฟิเซนต์จากนางพญาปิศาจใจร้ายก็เริ่มที่จะเริ่มมีจิตใจอ่อนโยน แต่หนังก็ยังวางบทบาทของราชินีอิงกริต ให้ดูน่าฉงนเหมือนมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ ง่าย ๆ ก็คือแอบร้าย สร้างสถานการณ์ใส่ความมาเลฟิเซนต์ หนังไม่ได้พยายามเก็บงำข้อนี้ และเผยให้เห็นตั้งแต่ต้นเรื่องไปเลยว่าใครร้าย และอาจจะทำให้คนดูเทคะแนนสงสารให้มาเลฟิเซนต์ด้วย
| ประเภทหนัง | Fantasy |
| กำกับโดย | รอเบิร์ต สตรอมเบิร์ก |
| บทภาพยนตร์โดย | ลินดา วูลเวอร์ตัน |
| ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | วอลต์ดิสนีย์พิกเจอส์ วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเจอส์ |
| คะแนน IMDb | 6.6 |
แนวทางของภาค 2 ฉีกแนวบรรยากาศหนังออกห่างไกลจากภาคแรกเยอะ ประเด็นแรกที่หนังเลือกเน้นในเรื่องสงครามระหว่างเมืองอัลสตีด เมืองหลวงของราชินีอังกริต และ ดาร์กเฟย์ เผ่าพันธุ์ของเทพมีปีก ต้นกำเนิดของมาเลฟิเซนต์ ยอมรับว่าเรื่องในภาคนี้เดินหน้าไปแบบเข้มข้น ไม่อ้างอิงความเป็นนิยายแบบภาคแรกอีกแล้ว เพราะหนังเน้นการต่อสู้มากกว่าภาคก่อนมาก แต่ฉากสงครามเองก็จะมาในแบบของในหนังดิสนีย์อย่างที่เราคุ้นชินกันนั่นแหละค่ะ ที่หนังก็พยายามไม่ให้โหดร้ายเกินไป ถ้าดาร์กเฟย์ถูกกระสุนเหล็กยิงเข้าที่ร่างกายก็สลายเป็นเถ้าถ่าน ส่วนบรรดาสัตว์เทพในป่ามัวร์ หลาย ๆ ตัวพอตายก็กลายคืนสภาพกลายเป็นดอกไม้ใบหญ้า ทำให้เป็นฉากสงครามที่รุนแรง แต่ไม่มีภาพจากผลการกระทำที่รุนแรง เหมือนสงครามมุ้งมิ้งมากกว่า แต่ถ้าถามว่าดูขัดมากไหมก็ไม่เท่าไหร่อย่างว่าก็เป็นหนังที่มาจากนิทานก็ต้องมีอะไรที่มาในรูปแบบนี้แหละค่ะ
การเลือกเล่าถึงเผ่าพันธุ์ ดาร์กเฟย์ ภาคนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญมากพอสมควร ลงรายละเอียดนานหลายนาที ประวัติที่มารวมถึงความเป็นอยู่ พาชมสภาพความเป็นอยู่ การแบ่งดินแดน รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ตอนแรกแอบคิดว่าเผยเยอะขนาดนี้จะมาหนังเรื่องดาร์กเฟย์ออกมาเป็นภาคแยกไหม แต่ส่วนตัวก็มองว่าเป็นเรื่องดีนะทำให้เราได้เข้าใจในบริบทของตัวละครแต่ละเผ่าพันธุ์มากขึ้นและอินไปกับเนื้อเรื่องได้ง่ายอีกด้วยค่ะ
แต่จุดที่น่าชื่นชมคืองานออกแบบฉากและ CG ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แทบทุกฉาก ภาพสีสันสมจริงดูสวยงามอลังการนับตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสเลือกดูบนจอ IMAX 3 มิติได้ขอแนะนำ แค่ฉากเปิดเรื่อง มุมกล้องจากท้องฟ้าพาเราท่องเข้าไปในดินแดนมัวร์วิ่งผ่านหน้าบรรดาสัตว์ประหลาด ต่าง ๆ ผ่านดอกไม้หลายชนิด เป็นประสบการณ์ที่รื่นเริงบันเทิงใจมาก เพราะมันดูสวย ไร้พิษสง ทำให้จิตใจผ่อนคลายเวลาได้เห็นแค่ฉากแบบนี้ก็คุ้มแล้วค่ะ
นักแสดงนำของเรื่อง
แอนเจลีนา โจลี ( Angelina Jolie ) รับบทเป็น มาเลฟิเซนต์
แมรี แอลล์ แฟนนิง (Mary Elle Fanning) รับบทเป็น ออโรรา
ชาร์ลโต คอปเลย์ ( Sharlto Copley ) รับบทเป็น สเตฟาน
อายลา ฟิชเชอร์ ( Hannah New ) รับบทเป็น เลย์ลา
เคนเนท แครนแฮม (Kenneth Cranham) รับบทเป็น เฮนรี
เบรนตัน ทไวเทส (Brenton Thwaites) รับบทเป็น ฟิลลิป
แซม ไรลีย์ (Sam Riley) รับบทเป็น ดีอาวัล
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. แม่ก็คือแม่ ประโยคนี้ได้ยินกันหนาหูมาก หลังจบภาคนี้ เพราะถึงแม้ว่ามาเลฟิเซนต์ จะไม่เต็มใจนักกับการให้ออโรร่าแต่งงานกับฟิลลิป แต่ก็เพื่อความสุขของลูก แม้จะเป็นลูกเลี้ยง แม่ทูนหัวอย่างคุณแม่มาลีก็ยังเอาใจใส่ พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองในบางอย่างเพื่อไปพบและเจรจาให้ลูกสาวได้แต่งงานตามใจต้องการ
2. ราชินีอิงกริตที่จิตใจมีแต่ความโหดร้าย ใช้ลูกและสามีเป็นเครื่องมือ และใส่ร้ายมาเลฟิเซนต์ว่าทำร้ายสวามีของตน เมื่อความจริงปรากฏ นางก็ไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งลูกและสามี เหมือนกรรมตามทันในความอำมหิตของนาง
3. บทบาทของมาลิฟิเซนต์ ที่ยังคงสมบทบาทและทำให้เราอินไปกับบทมมาเลฟิเซนต์ได้เหมือนภาคแรก แถมยังมีมุกตลกหน้าตายมาให้ขำเป็นช่วง ๆ
หลังจากดูภาคนี้จบ เราภาวนาให้มีหนังเรื่องดาร์กเฟย์ทำออกมา เพราะไหน ๆ หนังก็ให้ความสำคัญกับเผ่าพันธุ์นี้แล้ว ก็อยากให้ทำหนังภาคแยกออกมาเลย เพราะเรื่องราวของพวกเค้าเหล่านั้นก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ
ที่มาเพิ่มเติม
movies.disney.co.th
