และนี่ก็เป็นครั้งที่ 6 แล้วสำหรับ Mission Impossible จากการนำแสดงและอำนวยการสร้างของ ทอม ครูซ ที่ผ่านมามีผู้กำกับมากหน้าหลายตาที่มาเติมเต็มแฟรนไชส์สายลับชุดนี้ให้ไปไกลกว่าแค่หนังรีเมคจากซีรีส์ ทั้ง ไบรอัน เดอพัลมา ที่สร้างมาตรฐานการเล่าเรื่องเชิงสืบสวนสอบสวนสุดลึกลับ และมีกลิ่นอายของฟิล์มนัวร์ จอห์น วู มาสานต่อตำนานและเติมฉากแอ็คชั่นดีไซน์สวยๆ ส่วน เจ เจ เอบรามส์ นอกจากมาเติมเรื่องราวเพิ่มมิติด้านครอบครัวให้ อีธาน ฮันต์ แล้วก็ยังนำบริษัท แบด โรบอต มาร่วมอำนวยการสร้างตั้งแต่ภาค 3 จนถึงปัจจุบัน ซึ่ง Mission: Impossible – Fallout ฉายรอบปฐมทัศน์ในปารีสเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2018 และออกฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาในระบบRealD 3DและIMAX เป็นครั้งแรกของซีรีส์อีกด้วย และภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 791 ล้านเหรียญทั่วโลก ทำให้เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในแฟรนไชส์นี้ และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับแปดของปี 2018 ไปครอง
หนังเล่าเหตุการณ์สองปีหลังจากจับตัวโซโลมอน เลน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายซินดิเคต กลุ่มซินดิเคตได้กลายสภาพเป็นกลุ่มใหม่ชื่อ “ดิอะพอสเทิลส์” (The Apostles) ที่เบลฟาสต์ อีธาน ฮันต์ สายลับ IMF ได้รับภารกิจให้ขัดขวางการขายแกนพลูโตเนียมสามลูกให้กลุ่มดิอะพอสเทิลส์ โดยมีผู้ว่าจ้างคือจอห์น ลาร์ก แต่ภารกิจล้มเหลวเมื่อฮันต์เลือกจะรักษาชีวิตลูเธอร์ สติกเคลล์ ลูกทีมของเขาและแกนพลูโตเนียมถูกขโมยไปได้ ทีมของอีธานจึงจับตัวนักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับการว่าจ้างจากลาร์กให้สร้างระเบิดจากแกนพลูโตเนียมเพื่อเค้นข้อมูล เอริกา สโลน ผู้อำนวยการ CIA สั่งให้ออกัสต์ วอล์กเกอร์ติดตามฮันต์ขณะที่เขาทำภารกิจตามแกนพลูโตเนียมคืน ฮันต์และวอล์กเกอร์ลอบเข้าไปในงานเลี้ยงที่กร็องปาแลในปารีส ที่ซึ่งลาร์กจะทำการซื้อขายแกนพลูโตเนียมกับกลุ่มดิอะพอสเทิลส์ ผ่านคนกลางผู้มีนามว่า “แม่ม่ายขาว” ฮันต์และวอล์กเกอร์ตามลาร์กไปที่ห้องน้ำก่อนทั้งสามจะสู้กันและลาร์กถูกอิลซา เฟาสต์ฆ่า ทำให้ฮันต์ต้องสวมรอยเป็นลาร์กเพื่อไปพบกับแม่ม่ายขาว
ประเภทหนัง | action , spy |
กำกับโดย | คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ |
บทภาพยนตร์โดย | คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ |
ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | แบดโรบอตโปรดักชันส์สกายแดนซ์มีเดีย อาลีบาบาพิกเจอส์Paramount Pictures |
คะแนน IMDb | 7.7 |
เขาพาแม่ม่ายขาวหลบหนีเนื่องจากมีคนตามฆ่าทั้งสอง ก่อนแม่ม่ายขาวจะมอบแกนพลูโตเนียมให้ฮันต์หนึ่งลูกแล้วบอกให้ฮันต์พาตัวเลนมาที่ลอนดอนเพื่อแลกกับแกนพลูโตเนียมที่เหลืออีกสองลูก ฮันต์และทีมจึงโจมตีขบวนรถที่คุมตัวเลน ก่อนจะพาเลนหลบหนีการไล่ล่าของเฟาสต์ที่ได้รับคำสั่งมาให้ฆ่าเลน อลัน ฮันลีย์ รัฐมนตรี IMF มาพบฮันต์ที่ลอนดอนเนื่องจากเขาพบหลักฐานว่าตัวฮันต์เองคือลาร์กและสร้างเรื่องทั้งหมดเพื่อเดินตามรอยเลน ฮันลีย์สั่งให้ฮันต์ล้มเลิกภารกิจแต่ฮันต์ไม่ยอมและทำร้ายฮันลีย์ ก่อนจะสั่งให้วอล์กเกอร์จับตาดูเลนเมื่อตนและลูกทีมออกไปทำภารกิจ ด้านวอล์กเกอร์ปล่อยตัวเลนแล้วเผยว่าแท้จริงตนคือลาร์ก แต่วอล์กเกอร์ตระหนักได้ภายหลังว่านี่เป็นแผนเปิดโปงตัวเขาของฮันต์ วอล์กเกอร์ฆ่าฮันลีย์ก่อนอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปที่แคชเมียร์พร้อมกับเลน ทั้งสองมีแผนจะระเบิดต้นน้ำในแคชเมียร์เพื่อทำให้น้ำปนเปื้อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชากร 1 ใน 3 ของโลก
ฮันต์และทีมตามมาที่แคชเมียร์แล้วพบว่าจูเลีย อดีตภรรยาของเขาทำงานรักษาคนอยู่ที่นี่ ฮันต์จึงตระหนักว่าวอล์กเกอร์และเลนวางแผนเพื่อให้เธอถูกระเบิดไปด้วย เบนจี ดันน์ ลูกทีมคนหนึ่งบอกฮันต์ว่าระเบิดสองลูกถูกตั้งไว้ไม่ให้ปิดวงจรได้ทีละลูก หากปิดวงจรของลูกใดลูกหนึ่ง อีกลูกหนึ่งจะระเบิด มีวิธีเดียวคือปิดด้วยตัวจุดชนวนซึ่งอยู่กับวอล์กเกอร์ ฮันต์จึงขับเฮลิคอปเตอร์ไล่ตามวอล์กเกอร์ ส่วนลูกทีมคนอื่น ๆ แยกไปหาระเบิด ฮันต์ขับเฮลิคอปเตอร์ชนเฮลิคอปเตอร์ของวอล์กเกอร์จนตกก่อนทั้งสองจะสู้กันริมหน้าผาจนวอล์กเกอร์ตกลงไปเสียชีวิต
ในภาค FALLOUT นี้สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมากสำหรับบทที่แม็คควอรีเขียนคือการตีความคำว่าผลกระทบหรือโทษ (Fallout) จากความหวังดีของอีธาน ฮันต์ ทั้งความรักเพื่อนที่ทำให้งานเสียไปจนถึงการกล่าวถึงตัวละครจากภาค 3 อย่างจูเลีย (มิเชล โมนากาน) ก็ยังเกี่ยวพันกับความหวังดีที่กลายเป็นผลร้ายตามมาถึงตัวเขาและทีมได้เป็นอย่างดี ซึ่งกลายเป็นลูกเล่นสำคัญที่คนดูจะต้องลุ้นทุกครั้งที่อีธานตัดสินใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นักแสดงนำของเรื่อง
ทอมัส ครูซ เมบอเธอร์ที่ 4 (Thomas Cruise Mapother IV ) รับบทเป็น อีธาน ฮันต์
เฮนรี วิลเลียม แดลกลีช แควิลล์ ( Henry William Dalgliesh Cavill ) รับบทเป็น ออกัสต์ วอล์กเกอร์
วาเนสซา เคอร์บี้ ( Vanessa Nuala Kirby ) รับบทเป็น แม่ม่ายขาว
ไซมอน เพกก์ (Simon Pegg) เรับบทเป็น เบนจี ดันน์
อเล็กซานเดอร์ แร อเล็ก บอลด์วิน ที่ 3 (Alexander Rae “Alec” Baldwin III) รับบทเป็น อลัน ฮันลีย์
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. องค์ประกอบสำคัญนอกจากฉากแอ็คชั่นแล้วคงหนีไม่พ้นนักแสดงทั้งหมดในเรื่อง ทั้งสายทุ่มเทอย่าง ทอม ครูซ ที่เล่นฉากสตันท์เองจนได้รับบาดเจ็บที่เข่าในฉากกระโดดข้ามตึก หรือแม้แต่การทุ่มเทฝึกการโดด ฮาโล (HALO – High Altitude Low Opening) ถึง 1 ปีเต็มเพื่อฉากแอ็คชั่นสำคัญของเรื่อง
2. ส่วนนักแสดงคนอื่นๆทั้ง วิง เรมส์ ที่กลับมารับบท ลูเธอร์ เป็นครั้งที่ 6 ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์เหมือนเป็นครอบครัวตัวละครที่โตมากับเราอันนี้เป็นอีกอย่างที่ส่วนตัวชอบนะ
3. สำหรับสมาชิกใหม่อย่าง เฮนรี คาร์วิลล์ หรือพี่ซูเปอร์แมนของเราก็ทำให้ฉากบู๊ดูดุดันไม่น้อยเลยทีเดียวแต่คนที่ทำให้ใจพองโตที่สุดเห็นจะเป็น วาเนสซา เคอร์บี้ ในบท แม่ม่ายขาว หรือ ไวต์วิโดว์ ที่สยบได้ทุกสายตา
สรุปว่าคุ้มมากกก สองชั่วโมงครึ่งในโรงผ่านไปเร็วมากๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน MI6 มันช่างจัดเต็ม ดุเดือด จนเราแทบลืมเวลา ลืมหายใจไปเลยทีเดียว ชอบบทหนังมาก หนังขมวดปมไว้หลายประเด็นสุดๆ แต่ทำออกมาได้อย่างลงตัวและพอดี เรารู้สึกว่าเป็นหนังแอคชั่นที่เนื้อเรื่องแน่น จริงจัง สเกลใหญ่มากๆ นี่ขนาดไม่รู้เรื่องราวก่อนหน้าแบบชัดๆ เรายังรู้สึกหนักหน่วงไปกับตัวละครในหลายๆ ซีนเลย เรียกได้ว่าเล่าเรื่องได้ฉลาดแล้วก็พร้อมจะตลบหลังคนดูจนเรานี่ไม่สามารถละสายตาออกจากหนังได้เลยจริงๆ
ที่มาเพิ่มเติม
https://en-m-wikipedia-org.translate.goog/