ภาพยนตร์เรื่อง Mowgli: Legend of the Jungle หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไทยว่า เมาคลีลูกหมาป่า ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของ เด็กชาย กำพร้าที่เป็นมนุษย์ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูจากหมาป่า ได้ออกเดินทางเพื่อค้นหาหมู่บ้านมนุษย์พร้อมกับหลบเลี่ยงเชียร์คานจอมโหด เดิมมีกำหนดฉายในเดือนตุลาคม 2559 โดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้งเพื่อทำงานด้านวิชวลเอฟเฟกต์ให้สมบูรณ์แบบ และแล้วทาง Warner Bros. Pictures ก็ได้ตัดสินใจขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับ Netflix ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เองก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์บางแห่งในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2018 ก่อนที่จะเผยแพร่ในระบบดิจิทัลของ Netflix ในวันที่ 7 ธันวาคม 2018 ได้รับการวิจารณ์ที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ และซึ่งชื่นชมทีมนักแสดง วิชวลเอฟเฟกต์ ว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ทำ วิชวลเอฟเฟกต์ ออกมาได้ดีมาก
หนังเล่าเรื่องราวของ เมาคลีเป็นมนุษย์เด็กชาย ซึ่งรักชากับอาเกลา คู่สุนัขป่าอินเดีย เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ หลังจากที่บากีรา เสือดำอินเดีย นำมาฝากไว้แต่ยังเป็นทารก บากีราเองก็ช่วยอบรมสั่งสอนให้เมาคลีใช้ชีวิตอย่างสุนัขป่า แต่ยิ่งเติบโตก็ยิ่งพบอุปสรรคในการเป็นสุนัขป่า เมาคลีจึงมีพัฒนาการช้ากว่าพี่น้อง และหันไปใช้กลวิธีแยบคายต่าง ๆ เพื่อตามให้ทัน เป็นเหตุให้ถูกบากีราติเตียนว่า หัดใช้กลโกงอย่างมนุษย์ วันหนึ่งในฤดูแล้ง สัตว์ทั้งปวงสโมสรกัน ณ ผาสันติ (Peace Rock) เพื่อแบ่งกันบริโภคน้ำเท่าที่เหลืออยู่ ตามความในสัญญาหย่าศึกชิงน้ำ (Water Truce) แต่การชุมนุมสันตินี้ต้องชะงักเมื่อเชียร์คาน เสือเบงกอลผู้ดุร้าย ปรากฏกาย เชียร์คานได้กลิ่นอายมนุษย์ในท่ามกลางที่ชุมนุม จึงตวาดขึ้นว่า ป่านี้ไม่ต้อนรับมนุษย์หน้าไหนทั้งสิ้น ทั้งนี้ เพราะเชียร์คานเคยถูกมนุษย์ทำร้ายจนหน้าบาก
ประเภทหนัง | fantasy, adventure, drama |
กำกับโดย | แอนดี้ เซอร์คิส |
บทภาพยนตร์โดย | แคลลี่ โคลฟส์ |
ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | Warner Bros. PicturesThe ImaginariumNetflix |
คะแนน IMDb | 6.5 |
ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้เจ็บช้ำใจอยู่บนใบหน้า แล้วเชียร์คานก็สำทับก่อนผละไปว่า ตนจะกลับมาเอาชีวิตเด็กผู้เป็นเจ้าของกลิ่นนั้น ชาวสุนัขป่าจึงอภิปรายกันว่า จะให้เมาคลีติดสอยห้อยตามอยู่ในฝูงต่อไปอีกหรือไม่ แต่ก่อนที่จะได้มติ เมาคลีก็กล่าวขึ้นว่า ตนสมัครใจจะไปจากป่าเองเพื่อความผาสุกและเบาใจของทุกฝ่าย บากีราจึงอาสานำพาเมาคลีไปส่งยังนิคมมนุษย์โดยรอดปลอดภัย ระหว่างทางไปยังนิคมมนุษย์นั้น เชียร์คานซุ่มโจมตีเมาคลีและบากีรา บากีราบาดเจ็บ เมาคลีหนีรอดเพราะได้ความช่วยเหลือของฝูงกระบือ เมาคลีจึงออกเดินต่อไปโดยลำพัง ไปพบคา งูเหลือมอินเดียตัวมหึมา ณ กระโจมแห่งหนึ่ง คาใช้วิชาสะกดจิตช่วยให้เมาคลีระลึกภาพอดีตได้
เมาคลีเห็นบิดาตนถูกเชียร์คานสังหาร เป็นเหตุให้ตนถูกทิ้งไว้ในป่าจนบากีรามาพบเข้า ในภาพสะกดจิตนั้น คายังแจ้งแก่เมาคลีว่า มนุษย์มีอาวุธทรงพลานุภาพ เรียกว่า “ดอกไม้แดง” (red flower) ซึ่ง “นำพาความอบอุ่น ความโชติช่วง และความพินาศฉิบหาย มาสู่คนทั้งหลายผู้ถูกมันแตะต้อง” แต่คานั้นสะกดจิตไปก็เลื้อยพันตัวเมาคลีไปมิให้รู้สึกตัว ขณะที่เมาคลีตกอยู่ทั้งในห้วงสะกดจิตและห้วงกระหวัดของคา กำลังจะถูกจับกินอยู่นั้น บาลู หมี ก็เข้าช่วยเมาคลีไว้ได้ทันท่วงที บาลูให้เมาคลีตอบแทนด้วยการไปเอาน้ำผึ้งยอดผามาให้ ในไม่ช้า เมาคลีกับบาลูก็กลายเป็นสหายสนิทแน่นแฟ้นกัน เมาคลีจึงตกลงจะอยู่กับบาลูจนฤดูเหมันต์
เซอร์คิสวางตัวหนังไว้แตกต่างจากฉบับดิสนีย์ว่า เมาคลีของเขาจะเป็นหนังที่จริงจังกว่า ใกล้เคียงกับตัวหนังสือกว่า ดาร์กกว่า และไม่มีฉากสัตว์มาร้องเพลงแน่นอน ด้วยบารมีระดับเซอร์คิสเขาจึงได้ทีมนักแสดงมาให้เสียงเหล่าตัวละครแบบคับคั่งเช่น คริสเตียน เบล ในบท เสือดำบากีร่า, เคท แบลนเชตต์ ในบท งูยักษ์คา, เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ ในบท เสือร้ายเชียร์คาน และแอนดี้แสดงเองในบท หมีใหญ่บาลู ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้จึงทำให้หนังน่าสนใจ
นักแสดงนำของเรื่อง
โรฮัน แชนด์ ( Rohan Chand ) รับบทเป็น Mowgli
ฟรีดา ปินโต ( Freida Selena Pinto ) รับบทเป็น John Lockwood
แมทธิว ริส ( Matthew Rhys ) รับบทเป็น Messua
คริสเตียน เบล ( Christian Charles Philip Bale ) ให้เสียงเป็น บากีร่า
แอนดี้ เซอร์คิส ( Andrew Clement Serkis ) ให้เสียงเป็น บาลู
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ( Benedict Timothy Carlton Cumberbatch) ให้เสียงเป็น เชียร์คาน
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. ถึงแม้ว่าเราจะรู้เรื่องราวของเมาคลีเป็นอย่างดี และเคยดูภาพยนตร์เรื่องเมาคลีมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ในภาคนี้หนังก็ยังสร้างความระทึกใจและตื่นเต้นให้ได้ตลอดทั้งเรื่อง
2. หนังไม่ได้ย่อหย่อนไปจากงานของดิสนีย์เลย ซึ่งทุกอย่างมาพร้อมคุณภาพสำหรับการเป็นหนังจอใหญ่นั่นละ แม้การออกแบบหน้าตา รูปลักษณ์ตัวละครของก็ดูเป็นอะไรที่จริงจังสมจริง
3. โทนของหนัง บรรยากาศของเรื่อง การให้เสียงก็เยี่ยมสมกับคุณภาพของนักแสดงแต่ละคน ดนตรีประกอบก็ให้บรรยากาศของอินเดียแบบเต็มๆทำให้เรารู้สึกร่วมไปกับหนังได้ไม่ยาก
โดยสรุปแล้วใครใครอยากดูเมาคลีในแบบที่สมจริงเนื้อเรื่องจริงจังออกไปทางเป็นหนังที่เหมาะกับคนโตมากกว่าหนังโทนน่ารักเอาใจเด็กๆต้องลองเลยรับรองแตกต่างแน่นอน
ที่มาเพิ่มเติม
https://en-m-wikipedia-org.translate.goog/