มาต่อกันที่ภาค 2 กันค่ะสำหรับสไปเดอร์แมนในแบบฉบับของ The Amazing Spider-Man หลังจากที่ภาคที่แล้วเน้นดราม่าซะส่วนมาก แต่กลับมาภาคนี้หนังแก้ตัวใหม่ด้วยความมันส์ที่มากกว่าเดิมลุ้นระทึกกว่าเก่า ที่ตัวสไปเดอร์แมนของเราจะได้พบกับวายร้ายที่แข็งแกร่งและน่ากลัวกว่าเดิมและในภาคนี้เขาจะต้องเจอกับบททดสอบความเป็นฮีโร่และความเข้มแข็งทางด้านจิตใจครั้งสำคัญอีกด้วย เขาจะเป็นอย่างไรต่อไปจะผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปได้ไหมต้องติดตามค่ะ
หนังเล่าถึงเรื่องของสไปเดอร์แมนหรือ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (Andrew Garfield) เมื่อเขามีพลังพิเศษที่จะสามารถปกป้องผู้คนจากเหล่าปิศาจร้าย และเขาก็ต้องการจะมีคนรักอยู่ในชีวิตด้วย แม้รู้ว่าจะทำให้ชีวิตเธอไม่ปลอดภัย เมื่อกำลังจะสงบสุขและไปได้ด้วยดีก็มีศัตรูร้ายเข้ามาใหม่ คือ อิเล็คโทร(Jamie Foxx) ศัตรูตัวร้ายที่มีพลังในการควบคุมกระแสไฟฟ้า ในขณะที่ได้พบกับอดีตเพื่อนรักอย่างแฮร์รี่ ออสบอร์น(Dane DeHaan) ซึ่งกำลังจะเปิดเผยความจริงที่เกี่ยวกับครอบครัวของปีเตอร์ ภาค 2 ถามว่าสนุกไหม สนุกครับ แต่สุดไหม ไม่สุดแน่นอนโดยเฉพาะในแง่ของอารมณ์ แต่ดีกว่าภาคแรกในแง่ของความแอ็คชั่น ข้อดีของหนังภาคต่อ คือไม่ต้องมาย้อนเวลาหาอดีต เล่าถึงจุดกำเนิดของเรื่องราวต่าง ๆ แล้ว เรื่องที่เป็นสาระสำคัญของภาคนี้ สามารถยัดเข้ามาได้เต็มที่ และธีมหลักของภาคนี้ ก็จะใช้ตัวร้ายที่มีพลังไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่า ชุดของพระเอกไม่สามารถกันไฟได้ แต่หนังมีประเด็นที่ต้องการจะเล่าและสื่อเยอะมาก บางทีก็เยอะมากไปจนเกินความจำเป็นเสียด้วยซ้ำ
ประเภทหนัง | Action , superhero,comedy |
กำกับโดย | มาร์ค เว็บบ์ |
บทภาพยนตร์โดย | Alex KurtzmanRoberto OrciJeff Pinkner |
ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | โคลัมเบียพิกเจอส์ |
คะแนน IMDb | 6.6 |
ส่วนเรื่องของฉากกุ๊กกิ๊กที่หนังพยายามจะใส่มาให้มีในหนัง ทั้งคู่มีความน่ารัก เข้ากันได้ดี ดูไปเราก็ยิ้มไปเขิลไป แต่มันกลับสั้นเหลือเกิน ว่ากันตรง ๆ เหมือนแค่ใส่เรื่องราวความรักมาแค่พอหยุมหยิม แต่หนังกลับไปเน้นเรื่องของการต่อสู้ผู้ร้ายมากกว่า คือมันสามารถเล่าไปในทิศทางเดียวกันได้ และทำให้มันสนุกได้ เหมือนคนเรียงบทยังไม่แน่ใจว่าจะเอาไรมาก่อนหลังมากกว่า
ซึ่งโดยรวมหนังจะเล่าแต่ประเด็นฝั่งพระเอกมากกว่า มาที่ฝั่งผู้ร้ายกันบ้าง ซึ่งเริ่มแรกเค้าเป็นแฟนคลับของของสไปเดอร์แมน แต่ก็มีเหตุพลิกผันมาทำให้เค้าต้องเกลียดสไปเดอร์แมน ด้วยเหตุผลบางประการ หนังปูเรื่องมาได้อย่างน่าสนใจ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า จากที่ชอบกลายเป็นเกลียด การที่มีแรงจูงใจให้เกลียดแบบนี้ อาจจะเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวก็เป็นได้ กลับกลายเป็น ตัวร้ายที่น่าผิดหวัง ไม่มีความน่าสนใจเท่าไหร่เลย แต่ว่าไม่ใช่ว่าไม่มีข้อดีเลยนะคะ อย่างน้อยในภาคนี้ ก็มีเอฟเฟคต์สวย ๆ เวลาต่อสู้กับพระเอกอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นความดีงามมาตั้งแต่ภาคก่อนแล้ว
และในเมื่อเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยดีละ เราก็มาดูที่องค์ประกอบกันด้านอื่นกันดีกว่า คุณภาพเอฟเฟคต์ของหนังรวมถึงซาวน์ประกอบจะช่วยตราตรึงอารมณ์ได้ไม่น้อย ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่หนังเรื่องนี้หยิบยกElectro มาเป็นวายร้าย เพื่อให้แมตช์กับ Effect ที่เหมาะสมกับวายร้าย มันเลยกลายเป็นภาพเอฟเฟคต์แฟนตาซีที่สมบูรณ์ใช้ได้
นักแสดงนำของเรื่อง
แอนดรูว์ รัสเซล การ์ฟิลด์ (Andrew Russell Garfield) รับบทเป็น ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ / สไปเดอร์แมน
เอมิลี จีน “เอมมา” สโตน (Emily Jean “Emma” Stone) รับบทเป็น เกวน สเตซี่
เจมี่ ฟ็อกซ์ ( Jamie Foxx) รับบทเป็น แม็กซ์ ดิลลอน / อิเลคโตร
เดน วิลเลี่ยม เดอฮาน ( Dane William DeHaan) รับบทเป็น แฮร์รี่ ออสบอร์น / กรีนก็อบลิน
พอล เกียมัตตี้ ( Paul Giamatti )รับบทเป็น อเล็กเซ ซิสเตวิช / ไรโน
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. ไฟดับทั้งเมืองคือวิกฤต ในเหตุตอนท้ายที่เจ้าตัวร้ายทำให้ไฟดับทั้งเมือง ทำให้รู้ว่าไฟฟ้านี่สุดยอดแห่งความสำคัญเลย เพราะว่าเมื่อไร้ไฟฟ้า การสื่อสารทั้งหมดก็แทบจะถูกตัดขาด หอบังคับการภาคพื้นดินไม่สามารถชี้แจงหรือสื่อสารกับเครื่องบินที่กำลังลอยอยู่บนอากาศได้ ทำให้เกือบเกิดอุบัติเหตุหมู่บนท้องฟ้า
2. จากความชอบกลายเป็นความเกลียดชัง ตัวร้ายในตอนแรกที่ชื่นชอบพระเอก ปลาบปลื้มมาก แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าต้องโกรธแค้นสไปเดอร์แมน การที่เกิดศึกระหว่างสไปเดอร์แมนและ Electro ทำให้ตัวร้ายยิ่งแค้นสไปเดอร์แมนมากกว่าเดิม เหมือนคนเรา ถ้าเคยรักหรือชอบใครแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นความเกลียดชัง พลังของความแค้นย่อมมากกว่าเก่า
3. มนุษย์ไฟฟ้า ถูกใส่เอฟเฟคต์ให้ดูสวยงามและดูมีพลัง ผสมผสานกับชุดสไปเดอร์แมนที่ดูเฉียบคมมากกว่าเก่าเดิม เมื่อทั้งคู่ต่อสู้กัน จึงผสมผสานความสวยงามของเอฟเฟคต์ให้ทวีคูณไปอีกครับ ต้องยอมรับว่าเค้าออกแบบตัวร้ายมาลงตัวกับการใส่เอฟเฟคต์จริง ๆ
ถึงจะยังประทับใจไม่มากพอสำหรับเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้ เพราะว่าการจัดการบทบาท การวางบทบาทมันยังไม่ดีเท่าไร แต่ก็สามารถชดเชยได้ด้วยเอฟเฟคต์ที่สวยงาม ก็อยากให้ไปลองหามาชมกันค่ะ
ที่มาเพิ่มเติม
https://th.wikipedia.org/