มาต่อกันที่เรื่อง The Hobbit The Desolation of Smaug หรือชื่อไทยว่า เดอะ ฮอบบิท ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค ภาพยนตร์เรื่องที่สองของหนังไตรภาคอย่าง The Hobbit เข้าฉายเมื่อปี ค.ศ. 2013 ตัวหนังยาวมากความยาว 161 นาทีหรือ 2 ชั่วโมง 41 นาที ด้วยความที่ติดตามกันมาตั้งแต่ไตรภาคเรื่องก่อน เรื่อยมาจนภาคแรก The Hobbit: An Unexpected Journey มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะไม่อยากติดตามต่อในภาคนี้ The Hobbit: The Desolation of Smaug หลังจากได้ทำความรู้จักกับเหล่าคนแคระทั้งสิบสามที่ได้สหายเป็นพ่อมดขาว (Ian McKellen ) ร่วมเดินทางไปยังเอเรบอร์ เพื่อภารกิจทวงคืนสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเคยสูญเสียไปกลับคืน
เรื่องราวของภาคนี้หลังออกจากใต้เทือกเขามิสตี้ คณะเดินทางที่มีภารกิจกอบกู้อาณาจักรเอเรบอร์มุ่งหน้าเดินทางต่อ โดยนอกจากจะโดนพวกออร์คตามไล่ล่าแล้ว พ่อมดแกนดัล์ฟยังแยกตัวออกไป จนเหล่าคนแคระเกือบพลาดท่าให้กับแมงมุมยักษ์ในป่าเมิร์กวูด โดนเอล์ฟป่าผู้ดุร้ายอดีตมิตรที่กลายเป็นอริจับตัวไปขัง ซึ่ง บิลโบ แบ๊กกินส์ ใช้แหวนพาพวกคนแคระออกมาได้อย่างทุลักทุเล บทของ The Hobbit 2 ถือว่าเข้มข้นชวนติดตาม คาดเดาไม่ได้ ดำเนินเรื่องรวดเร็วกว่าภาคแรก จึงดูสนุก มีการตัดสลับให้ดูทั้งการเดินทางของเหล่าคณะ กับความเป็นไปของมิดเดิลเอิร์ธที่กำลังถูกความมืดครอบงำ ทำได้ดีพอๆกับที่ The Lord 2 ซึ่งได้รับคำชื่นชมมากกว่าภาคแรกเช่นกัน ทั้งหมดมาจากเนื้อหาในหนังสือที่เพิ่มระดับความน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีส่วนที่ถูกดัดแปลงบ้าง ฉากบางฉากและตัวละครบางตัวที่ไม่มีอยู่ในหนังสือถูกเติมเข้ามา ช่วยเพิ่มอรรถรสได้ดีมาก
ประเภทหนัง | แฟนตาซี,ผจญภัย |
กำกับโดย | ปีเตอร์ แจ็กสัน |
บทภาพยนตร์โดย | ฟราน วอลช์ฟิลิปปา โบเยนส์ปีเตอร์ แจ็กสันกิเยร์โม เดล โตโร |
ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | วอร์เนอร์บราเธอร์สพิกเชอส์ |
คะแนน IMDb | 7.8 |
ตัวละครที่เรารู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นคือ 13 คนแคระที่ภาคแรกไม่โดดเด่นด้วยความที่มีจำนวนมาก รูปร่างท่าทางคล้ายกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร นอกจาก ธอริน โอเคนชิลด์ เจ้าชายคนแคระผู้เย่อหยิ่ง ที่ภาคนี้เขาพัฒนาไปในทางก้าวร้าวขึ้น หมกมุ่นกับการตามหาเพชรอาร์เคนสโตนจนเห็นความมืดในดวงตา ผิดกับ คิลี คนแคระหนุ่มผู้หล่อเหลา จิตใจดี กล้าหาญ เป็นอีกคนที่ได้ใจผู้ชม โดยเฉพาะประเด็นรักสามเส้ากับ ธอเรียล เอล์ฟสาวหัวหน้าองค์รักษ์ สวยเฉียบขโมยซีนที่สุดในภาคนี้ และ เลโกลัส เจ้าชายเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์ (สองตัวหลังไม่มีในหนังสือ) ลูกชายของกษัตริย์พรายผู้เย็นชา ทำให้เนื้อหามีส่วนของ ดราม่า โรแมนติก แอ็กชั่น ผสมกันแบบลงตัว
ส่วน บิลโบ เข้มแข็งขึ้น กลายเป็นหัวใจสำคัญของชาวคณะในการเข้าไปในหุบเขาโลนลี่และตามหาอัญมณี ขณะเดียวกันเขาก็โดนอำนาจแห่งแหวนครอบงำก่อเกิดความโหดเหี้ยมในจิตใจ แกนดัล์ฟ เหมือนเป็นพระเอกวัยดึก ฉายเดี่ยวไปประจันหน้ากับจอมมารที่หวนคืนสู่โลกอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีตัวละครใหม่อย่าง บาร์ด มนุษย์ที่เป็นทายาทของผู้พิทักษ์เมืองริมทะเลสาปที่ต้องการกอบกู้เมืองจากเจ้าเมืองจอมโกง และลบรอยด่างพร้อยของบรรพบุรุษ รวมถึง มังกรสม็อก ที่ยิ่งใหญ่อลังการสมการรอคอย
ฉากที่เป็นที่พูดถึงคือ ฉากลงถังหนีออร์คของเหล่าคนแคระ เป็นซีนที่ถ่ายต่อเนื่องกันยาวเกือบ10นาที ส่วนตัวชอบฉากที่ เลโกลัส ฉายเดี่ยวลุยกับพวกออร์ค ถึงจะเก่งกาจแบบโอเวอร์(คนบ้าอะไรยิงธนูไม่พลาดเลย) แต่มันทำให้เรารู้เลยว่า ปีเตอร์ ชื่นชอบตัวละครตัวไหน
นักแสดงนำของเรื่อง
มาร์ติน จอห์น คริสโตเฟอร์ ฟรีแมน (Martin John Christopher Freeman) รับบทเป็น บิลโบ แบ๊กกิ้นส์
เซอร์ เอียน เมอร์เรย์ แม็กเคลเลน (Sir Ian Murray McKellen) รับบทเป็น แกนดัล์ฟ
ริชาร์ด อาร์มิเทจ (Richard Crispin Armitage) รับบทเป็น ธอริน โอเคนชิลด์
เคน สท็อทท์ (Ken Stott ) รับบทเป็น บาลิน
กราแฮม แม็กทาวิช( Graham McTavish) รับบทเป็น ดวาลิน
เจมส์ เนสบิทท์ ( James Nesbitt ) รับบทเป็น โบเฟอร์
สตีเฟ่น ฮันเตอร์ ( Stephen Hunter ) รับบทเป็น บอมเบอร์
ดีน โอ’กอร์แมน ( Dean O’Gorman ) รับบทเป็น ฟิลิ
เอดัน เทอร์เนอร์( Aidan Turner) รับบทเป็น คิลิ
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. ความยาว 2 ชั่วโมง 40 นาที ผ่านไปไวมาก แฟนประจำอย่างเราถือว่าจุใจ แถมตอนจบน่าติดตามสุดๆ ทำให้อยากจะชมภาคต่อไปซะเดี๋ยวนั้นเลย และยังทำให้ได้รับเนื้อหาของเรื่องอย่างครบถ้วน
2. ความยิ่งใหญ่ของฉากต่อสู้ยังเป็นอีกจุดเด่นของหนัง ที่ภาคนี้ได้ถูกออกแบบมาให้ดูตื่นตาตื่นใจกว่าภาคที่แล้วอีก เรื่องความสมจริงก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเคยการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติมาก
3. อีกหนึ่งอย่างที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีกว่าภาคก่อนก็น่าจะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่องที่เข้มข้นกว่าเดิมซึ่งก็อาจเป็นเพราะภาคก่อนหน้าเป็นการปูเนื้อเรื่องและการแนะนำตัวละครที่มาที่ไปเลยทำให้เนื้อเรื่องอาจดูอืดๆไปหน่อย
โดยภาพรวมแล้ว The Hobbit 2 The Desolation of Smaug เป็นภาคที่ทำออกมาได้สนุกกว่าภาคก่อนพอสมควรเลยซึ่งก็อยากให้ลองไปหามาชมกันค่ะ
ที่มาเพิ่มเติม
th.wikipedia.org