ภาพยนตร์เรื่อง The Prestige หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไทยว่า ศึกมายากลหยุดโลก ที่เขียน กำกับ และอำนวยการสร้างโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งบทภาพยนตร์ดัดแปลงจากผลงานนวนิยาย ค.ศ. 1995 ในชื่อ เดอะเพรสทิจ ของคริสโตเฟอร์ พริสท์ โดยเรื่องราวกล่าวถึง โรเบิร์ต แองกิเออร์ และ อัลเฟรด บอร์เดน สองคู่แข่งนักมายากลเวทีในกรุงลอนดอนช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่ถูกครอบงำจิตใจจากความต้องการที่จะสร้างมายากลเวทีที่ดีที่สุด พวกเขาได้ร่วมแข่งขันกันโดยสูญเสียความเป็นมนุษย์และก่อให้เกิดผลลัพธ์อันน่าเศร้า The Prestige เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกและทำรายได้ 109 ล้านเหรียญทั่วโลกเทียบกับงบประมาณการผลิต 40 ล้านเหรียญ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยมและกำกับภาพยอดเยี่ยม อีกด้วย
หนังเล่าเรื่องราวของสองนักมายากลผู้มากความสามารถ อัลเฟรด บอร์เด็น (นำแสดงโดยคริสเตียน เบล) และโรเบิร์ต แองเจียร์ (นำแสดงโดยฮิวจ์ แจ๊คแมน) ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ ทั้งคู่ทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับยอดนักมายากลมิลตัน แต่ครั้งหนึ่งระหว่างการแสดง แองเจียร์สูญเสียภรรยาของตนไประหว่างการแสดงกลจมน้ำ เขาโทษบอร์เด็นเป็นต้นเหตุว่าแอบทดลองผูกเงื่อนชนิดใหม่ซึ่งแก้ออกได้ยาก แม้บอร์เด็นจะอ้างว่าเขาจำไม่ว่าผูกเงื่อนแบบใด แต่ทั้งสองก็กลายเป็นศัตรูกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา บอร์เด็นได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่งระหว่างทำการแสดง และเริ่มเปิดการแสดงของตนเองในชื่อ “ยอดศาสตราจารย์” โดยมีเบอร์นาร์ด เฟลอน ชายลึกลับเป็นวิศวกรประจำตัว แม้บอร์เด็นจะมีพรสวรรค์ด้านมายากลและการคิดค้นเทคนิคใหม่ ๆ แต่ขาดวิธีการนำเสนอที่ดี
ประเภทหนัง | Psychological, thriller |
กำกับโดย | คริสโตเฟอร์ โนแลน |
บทภาพยนตร์โดย | คริสโตเฟอร์ โนแลนโจนาธาน โนแลน |
ถือลิขสิทธิ์และสร้างโดย | ทัชสโตนพิกเจอร์สวอร์เนอร์บราเธอร์สพิคเจอร์สซินก๊อปปี้ฟิล์ม |
คะแนน IMDb | 8.5 |
ทำให้การแสดงของเขาไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร และยิ่งความทุ่มเทกับงานจนเกินไป ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและภรรยาเริ่มระหองระแหงทีละน้อย ส่วนแองเจียร์นั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการแสดงและให้ความบันเทิง ผู้ชมจึงชื่นชอบมาก เขาเปิดการแสดงในชื่อ “ดังตงผู้ยิ่งใหญ่” ร่วมกับจอห์น คัตเตอร์ (ไมเคิล เคน) วิศวกรที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ และยังมีโอลิเวีย ภรรยาคนใหม่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย การแสดงของแองเจียร์จึงมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต่างมีความแค้นต่อกันไม่จบสิ้น แองเจียร์เริ่มต้นแก้แค้นด้วยการแอบใส่กระสุนจริงลงในกล “จับกระสุน” ของบอร์เด็น ทำให้กลผิดพลาดและบอร์เด็นต้องสูญเสียนิ้วมือ ส่วนบอร์เด็นก็เอาคืนโดยการดัดแปลงกรงนกที่ใช้แสดงกล “นกในกรงมรณะ” เป็นผลให้กรงนกหนีบมือผู้ชมบาดเจ็บ และเสียชื่อเสียงไปไม่น้อย
ในขณะเดียวกัน บอร์เด็นก็เริ่มนำเสนอกลใหม่ของเขาที่ชื่อ “กลย้ายร่าง” ซึ่งเป็นการเข้าไปในตู้ใบหนึ่งแล้วก้าวออกมาจากตู้อีกใบอยู่ห่างออกไปในพริบตา คัตเตอร์ให้แองเจียร์แสดงกลแบบเดียวกันโดยใช้นักแสดงหน้าเหมือนที่ชื่อรูท และนำเสนอด้วยประตูโล่ง ๆ แทนที่จะเป็นตู้ทึบ การแสดงของแองเจียร์ได้รับความนิยมมาก แต่แองเจียร์กลับไม่ชอบใจ เนื่องจากกลไกของกลนี้ในตอนท้ายสุดเขาต้องลงไปอยู่ใต้เวที และไม่มีโอกาสได้มองเห็นผู้ชมที่กำลังปรบมือให้เขาเลย แองเจียร์พยายามหาคำตอบว่าบอร์เด็นใช้วิธีใดกันแน่ เขาให้โอลิเวียร์แกล้งทำเป็นหลงรักบอร์เด็น และไปขโมยสมุดบันทึกความลับของกลมาให้ ในสมุดนั้นเขียนด้วยรหัส ซึ่งแองเจียร์ถอดรหัสคำหนึ่งได้ว่า TESLA เขาจึงเดินทางไปที่โคโลราโด สปริงส์ ที่ซึ่งนักวิทยาศาสตร์นิโคลา เทสลา (เดวิด โบวี่) กำลัง ทดลองเครื่องมืออยู่ เพื่อว่าจ้างให้เทสล่าประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับกลย้ายร่างให้เขา เอาเป็นว่าเรื่องราวต่อจากนี้ต้องไปหามาชมกันเอานะคะ
หนังเรื่องนี้สนุกค่ะ สนุกที่เห็นแต่ละฝ่ายคอยขัดขากันนี่แหละ ในเรื่องมันจะมีประเด็นหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้ตัวละครทั้งสองไม่ถูกกันและคอยหาทางเอาชนะกันเสมอ พวกเขาพยายามคิดมายากลที่ดีกว่า สุดยอดกว่า เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกว่าอีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกันพอพวกเขาเปิดแสดงแต่ละโชว์ อีกฝ่ายก็จะเข้าไปขัดขวางไม่ให้โชว์นั้นสำเร็จ เรียกง่ายๆว่าพังเครดิตแล้วก็แหกหน้านั่นเอง
นักแสดงนำของเรื่อง
ฮิว ไมเคิล แจ็กแมน (Hugh Michael Jackman) รับบทเป็น โรเบิร์ต แองกิเออร์
คริสเตียน ชาลส์ ฟิลิป เบล (Christian Charles Philip Bale ) รับบทเป็น อัลเฟรด บอร์เดน
เซอร์ ไมเคิล เคน CBE ( Michael Caine ) รับบทเป็น จอห์น คัทเตอร์
ไพเพอร์ เพลาโบ ( Piper Perabo) รับบทเป็น จูเลีย แมคคอลเลอร์
รีเบคกา มาเรีย ฮอลล์ (Rebecca Maria Hall) รับบทเป็น ซาร่า บอร์เดน
สการ์เลตต์ อิงกริด โจแฮนส์สัน (Scarlett Ingrid Johansson) รับบทเป็น โอลิเวีย เวนสคัม
ตัวอย่างภาพยนตร์
ไฮไลท์ของหนัง
1. ในด้านการแสดงเองก็ทำให้เราอินไปกับหนังได้อย่างดีโดยเฉพาะ Borden กับ ฟาลลอน เราว่าเขามีความแตกต่างกันเบาๆตัวละคร ไม่มีใครดี ไม่มีใครเลว ทุกคนต่างเป็นทาสของความทะเยอทะยานและความผูกใจเจ็บเคียดแค้น
2. การวางบทที่ระดับปรมาจารย์ คือวางได้แยบคายมาก ไดอะล็อกเท่ การดำเนินเรื่องสามารถทำให้ระยะเวลาหลายปีจบลงได้โดยไม่อืดหรือกระชับจนเกินไป ไม่คิดว่าเข้าใจยากด้วย กลต่างๆมีการอธิบายในตัวมัน
3. สุดท้ายนี้ ชอบฉากจบไม่ไหวแล้ว พีคในพีค แม้จะเดาได้รางๆแหละว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่คิดไม่ถึงในประเด็นของบทสรุปจริงๆเป็นหนังอีกเรื่องที่มีตอนจบที่ดีมาก
โดยสรุปแล้วหนังเรื่องนี้นักแสดงไม่ต้องห่วง บทดี หนังสนุก แค่ดูเขาเล่นมายากลแข่งกันก็คุ้มแล้วไม่ต้องห่วงว่ามันจะน่าเบื่อ เราว่าเรื่องนี้ดีเพราะบทที่สนุกและตัวละครก็ตีบทได้แตกด้วยแหละ ถือว่าเป็นหนังที่ดีที่ควรดูอีกเรื่องนึง
ที่มาเพิ่มเติม
en-m-wikipedia-org.translate.goog