รีวิวหนังสนุกๆ วันนี้ขอแนะนำภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง Venom : Let There Be Carnage ที่เข้าฉายไปแล้วเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งภาคแรกของเวน่อมได้เข้าฉายไปแล้วเมื่อปี 2018 และได้เสียงตอบรับก็ดีซะด้วย แม้กระแสในต่างประเทศจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยในภาคนี้ได้เปลี่ยนผู้กำกับจาก รูเบน เฟลสเชอร์ เป็น แอนดี้ เซอร์คิส ผู้มีชื่อเสียงด้านการแสดงตัวละครโมชั่นแคปเจอร์ อย่าง กอลลัม หรือ ซีซาร์ มากำกับผลงานพิสูจน์ฝีมือ โดยยังได้ทีมนักแสดงนำคนเดิมอย่าง Tom Hardy รับบทเป็น เอ็ดดี้ บร็อค, Michelle Williams รับบทเป็น แอนนี่ เวย์อิ้ง, Woody Harrelson รับบทเป็น คลีตัส คาซาดี้ และนักแสดงคนอื่นๆ อีกมากมายมาร่วมสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นที่รู้จักกันดีว่า เวน่อมคือตัววายร้ายศัตรูของ Spider-man แต่มาในหนังภาคแยกเดี่ยวนี้ Venom กลับถูกจัดให้เป็นตัวละครฮีโร่ตัวหนึ่งเลย ซึ่งก็มีความแปลกใหม่ดีเหมือนกัน
นักแสดงนำโดย
Tom Hardy รับบทเป็น เอ็ดดี้ บร็อค
Michelle Williams รับบทเป็น แอนนี่ เวย์อิ้ง
Woody Harrelson รับบทเป็น คลีตัส คาซาดี้
ประเภทภาพยนตร์ : แนวซูเปอร์ฮีโร่
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Andy Serkis
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Tom Hardy , Kelly Marcel
ค่ายหนัง/ผู้จัดจำหน่าย : Columbia PicturesMarvel EntertainmentArad ProductionsMatt Tolmach ProductionsPascal Pictures Sony Pictures Releasing
คะแนน IMDb : 6.0
เรื่องย่อ
ภาคต่อฮีโร่ในลุคน่าเกรงขามหลังจากภาคแรกได้จบไปแล้ว เวน่อมและเอ็ดดี้ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในร่างเดียวกัน แม้เอ็ดดี้จะยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือยังคงเป็น “ไอ้ขี้แพ้” ที่อีโก้สูง ชีวิตก็ยังไม่รุ่ง แฟนสาวที่เป็นอดีตคู่หมั้นก็กำลังจะแต่งงาน มิหนำซ้ำยังทะเลาะกับเวน่อมทำให้มาถึงจุดแตกหัก เวน่อมตัดสินใจออกจากร่างห่างจากเอ็ดดี้อีก ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เอ็ดดี้กำลังพยายามที่จะจุดประกายไฟให้กับตัวเองด้วยการได้สัมภาษณ์ฆาตกรต่อเนื่องนามว่าคลีตัส ที่ถูกจับขังคุกไว้อยู่ ระหว่างสัมภาษณ์เอ็ดดี้ได้ถูกคลีตัสกัดทำให้ปรสิตไหลเข้าสู่ร่างกายคลีตัส ค่อยๆ เติบโตในร่างกายจนกลายมาเป็นปรสิตที่เรียกว่า “คาร์เนจ” ร่างแดงตัวใหญ่ดูน่ากลัวอยู่ในตัวมีความสามาถล้นหลามด้วยพลังแขนที่คล้ายกับขาแมงมุม และได้มาเป็นคู่ปรับของทั้งเอ็ดดี้และเวน่อมในที่สุด หลังจากนั้นเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคลีตัสทำการแหกคุกออกมาด้วยการกลายร่างเป็นคาร์เนจ แต่ก่อนที่จะแหกคุกคลีตัสต้องรับโทษประหารแต่มันเกิดล้มเหลว เอาเป็นว่าต้องไปลุ้นกันต่อว่าเอ็ดดี้กับเวน่อมจะสามารถต่อกรกับตัวร้ายที่แสนน่ากลัวได้ไหม
รีวิวเนื้อเรื่อง Venom : Let There Be Carnage
เป็นหนังภาคต่อที่ไม่ได้มีบทพลิกไปมาที่จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น และลุ้นตามสักเท่าไหร่ ด้วยสูตรสำเร็จ เดินเรื่องแบบที่เราเดาได้ เน้นความสัมพันธ์และความรู้สึกของทั้งเอ็ดดี้และเวน่อมมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสนิทกันแค่ไหน การปูเรื่องถึงคลีตัสก็ทำออกมาได้รวบรัด แต่การเดินเรื่องถือว่ายืดอยู่สำหรับเรา จะมารู้สึกตื่นเต้นในช่วงท้ายๆ ของหนังแล้ว เอาเป็นว่าหนังก็ทำออกมาไม่ได้แย่อย่างที่คิด ดูได้เพลินๆ
รีวิวตัวละคร
ทีมงานวางตัวละครมาดีมาก เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับโดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ที่มารับบท คลีตัส คาซาดี้ ที่เข้าถึงบทบาท ดูแล้วอินไปด้วย ทั้งการแสดงสีหน้าของฆาตกรโรคจิต บุคลิกการเดินการพูด ทำให้เราได้เห็นถึงอารมณ์และเข้าถึงความรู้สึกของฆาตกรได้เลย อีกตัวละครหนึ่งคือการเปิดตัว ตัวละครอย่าง “คาร์เนจ” ที่สิงอยู่ในร่างของฆาตรกรต่อเนื่องอย่างคลีตัส คาซาดี้ ซึ่งตามจริงในฉบับคอมิกส์แล้วมันควรจะออกมาโหด เลือดสาดกว่านี้ นอกจากนี้แล้วยังเพิ่มตัวละครอย่างคนรักของคลีตัสที่มีพลังพิเศษ อย่างการสร้างคลื่นเสียงเป็นพลังพิเศษของเธอด้วย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีบทบาทเด่นเท่าที่ควร เหมือนเป็นตัวร้ายที่เสริมเข้ามาซะมากกว่า
รีวิว Venom : Let There Be Carnage
มาถึงภาค 2 กระแสวิจารณ์บ้างก็ว่าสนุกขึ้น บ้างก็ว่าความสนุกนั้นดรอปลง แต่สำหรับเรายังรู้สึกว่าหนังยังสนุกไม่สุด แต่ก็ถือว่าดูได้ไม่น่าเบื่อ ฉากต่อสู้กันมีน้อยไปนิด แล้วก็มีบางฉากที่ทำออกมาได้ดีมุมกล้องดี ฉากสวย ตัดสลับฉากกระชับ ฉากทำลายล้างของคาร์เนจก็ทำออกมาได้ดี ดูสนุก แต่หากใครคาดหวังจะได้เห็นความโหดร้ายของคาร์เนจในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นก็คงต้องบอกเลยว่าอาจจะผิดหวังอยู่บ้าง เพราะต้องตอบโจทย์หนังที่มีผู้ชมอายุน้อย เป็นหนังแอนตี้ฮีโร่ เพื่อน้องๆ หนูๆ คงจะทำให้โหดเท่าต้นฉบับไม่ได้
บทส่งท้าย
เอาเป็นว่าหากใครเป็นแฟนๆ หนังซูเปอร์ฮีโร่ต้องไม่พลาด เพราะ End Credit มีความเชื่อมโยงกับจักรวาลมาร์เวล ไปสู่ภาพยนตร์เรื่องต่อไป ถ้ากล่าวว่า เวน่อมคือคู่ปรับของ Spider-man ตลอดกาล คาร์เนจ ก็คือคู่ปรับของเวน่อมตลอดกาลเช่นกัน โดยเราขอเทคะแนนให้ Venom : Let There Be Carnage ที่ 6.5/10 เพราะหวังจะเห็นฉากแอคชั่นโหดๆ แต่ดันใส่มุกตลกเข้ามาเยอะเกินไป ก็เพลินเพลินดี หากไม่คิดมาก หนังก็ทำออกมาได้ดี ให้ความบันเทิงได้ ทำให้เราเห็นถึงพัฒนาการความผูกพันของเวน่อมและเอ็ดดี้มากขึ้น (ในภาคนี้เวน่อมดูนิสัยน่ารักขึ้น) ถือว่าคุ้มค่าที่จะรับชม สำหรับวันนี้ต้องขอจบการรีวิวหนังสนุกๆ ไว้แต่เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่กับการรีวิวหนังปี 2022 เรื่องต่อไป สวัสดีค่ะ
รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=jaTHTR-5pD4
ที่มา : www.beartai.com, www.playinone.com, www.kwanmanie.com, www.sanook.com, intrend.trueid.net, www.majorcineplex.com